ผมผิดไปแล้ว
เรื่องราวดีดี ที่อยากให้ทุกๆคนอ่าน
ผู้เข้าชมรวม
532
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“พ่อ ” เสียงของผมกล่าวขึ้น พร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ขณะที่ผมกำลังนั่งดูอัลบั้มรูปที่มีดวงสีแดงจางๆ อยู่ในหน้าหนึ่งของอัลบั้ม ซึ่งมันทำให้ผมนึกถึงพ่อ .
------.
“พ่อ อย่า!..” ผมสะดุ้งตื่น ร่างกายร้อนผ่าวมีเหงื่อออกเล็กน้อย ผมฝันร้ายอีกแล้วหรอเนี่ย
ผมมักฝันถึงเรื่องเมื่อคราวผมอายุ 4 ขวบ -ตอนที่ผม กำลังนั่งดูอัลบั้มรูปแต่งงานของพ่อกับแม่ อยู่ในห้องที่มีผนังสีเขียวอ่อนแลดูแล้วสบายตา ที่หน้าต่างมีม่านสีชมพูอ่อนพลิ้วไสว พาเอาแสงแดดอุ่นๆผ่านเข้ามา “เต็นท์ ” เสียงพ่อเรียกผม ตามด้วยเสียงปึงปังของฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ พ่อวิ่งมาถึงประตู ในมือของพ่อมีไม้บรรทัดเหล็ก พ่อตรงดิ่งเข้ามาหาผม “พ่อ อย่า..” เสียงร้องของผมดังขึ้น แล้ว..ผมก็เห็นเลือดเต็มตัวผม- นั่นคือเรื่องราวที่ทำให้ผมคิดว่า พ่อไม่รักผมเลย
“แกหนีเรียนทำไม หา!” เสียงของพ่อดุกว่าที่เคย ผมรู้ทันทีเลยว่าผมต้องโดนทำโทษแน่ๆ พ่อมักจะดุและตีผมเมื่อรู้ว่าผมหนีเรียน แต่นั่นก็ทำให้ผมเข็ดไปเพียงพักหนึ่งเท่านั้น ผมหมดเงินไปกับการเที่ยวเตร่ไม่มีสาระไปวันๆ และทำให้ผมคุ้นกับประโยคที่ว่า “ รู้มั๊ย ว่าเงินที่แกใช้ไปน่ะ เงินใคร” จากปากพ่อ ผมรู้ดีว่านั่นเป็นเงินของพ่อ เงินที่ผมไม่มีสิทธิ์แตะต้อง
ผมกับพ่อแยกนอนกันคนละห้อง และพ่อไม่เคยให้ใครเข้าไปในห้องนั้นแม้กระทั่งผม ผมเคยแอบเข้าไปในห้องพ่อครั้งหนึ่งตอนเด็กๆ ในห้องพ่อมีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ทีวี ตู้ เตียง เครื่องปรับอากาศ ผิดกับห้องของผม ที่มีแต่ฟูกแข็งๆรองร่างกายยามนอนหลับ กับพัดลมที่ช่วยบรรเทาความร้อนเท่านั้น พ่อมักจะบ่นว่าผมฟุ่มเฟือย และบอกให้ผมประหยัด แต่พ่อกลับเป็นฝ่ายทำซะเอง เพราะแทบทุกอาทิตย์ พ่อมักจะออกไปซื้อ เสื้อ กางเกง รองเท้า นาฬิกาบ่อยๆ แล้วอย่างนี้จะให้ผมเชื่อพ่อได้อย่างไร
ผมพยายามย่องเข้าบ้านอย่างเงียบๆตอนตี3 ก้าวแรกที่ผมย่างเข้าไปเหยียบพื้นบ้าน แสงไฟก็สว่างขึ้น ทำเอาผมสะดุ้งโหยง พ่อยืนตาเขียวอยู่มุมหนึ่งของบ้าน รังสีอำมหิตแผ่ขยายไปทุกอณูของบ้าน
“ลูกไม่รักดี..โดดเรียน มีเรื่องชกต่อย เหลวไหลไปวันๆ” พ่อเปิดฉากการบ่น และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงง่ายๆ
“แล้วพ่อมายุ่งอะไรกับชีวิตผม” สิ้นประโยคนั้น ผมก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่าง มากระทบที่หน้า”เพียะ” ผมชาไปทั้งหน้า และรู้ว่า พ่อตบหน้าผม
“ผมเกลียดพ่อ” ผมวิ่งไปที่ห้องของผม ห้องที่ผมจะไม่ได้มาเจอมันอีกแล้ว ผมเก็บเสื้อผ้าที่มีอยู่น้อยนิดใส่กระเป๋า ด้วยความคับแค้นใจ
“แกจะเอาปัญญาที่ไหนเลี้ยงตัวเอง” พ่อพูดเสียดแทงจิตใจผม เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงกับชีวิตจากนี้ แต่ผมก็ไม่เปลี่ยนใจที่จะออกจากบ้าน..บ้านที่เป็นดั่งนรกอย่างนี้
ผมเปิดประตูออกมาจากบ้าน สู่อิสระยามค่ำคืน ลมเย็นปะทะที่ใบหน้าอย่างแผ่วเบา ผมเดินลากกระเป๋าที่มีเพียงเสื้อผ้ากับของใช้ที่จำเป็น ลัดเลาะไปตามขอบถนนอย่างไม่มีจุดหมาย แสงไฟจากรถบรรทุกคันหนึ่งแยงเข้าตาจนรู้สึกแสบตา หัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อรู้ว่ารถคันนั้นกำลังพุ่งมาที่ผมอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ผมคงตายทั้งๆที่ไม่มีใครรักผม ผมคิดแค่นั้นแล้วทุกสิ่งก็มืดหมด
“วี้..หว่อ..ๆ..ๆ” ผมรู้สึกตัวอีกทีเมื่อใกล้รุ่ง เสียงรถพยาบาลดังมาแต่ไกล ผมมองร่างกายตัวเองที่โชกด้วยเลือด ผมคงตายแล้วสินะ ผมมองไปที่รถบรรทุกที่คร่าชีวิตผม รถบรรทุกสีฟ้าที่มีฝุ่นและโคลนติดอยู่ จอดสนิทด้วยต้นไม้ใหญ่ อยู่ห่างจากผมประมาณ 10 เมตร
ผมพยายามพยุงตัวขึ้นแต่ไม่เป็นผล แต่มือของผมกลับไปสัมผัสอะไรบางอย่าง
“พ่อ..” ผมกุมมือพ่อที่เย็นชืด และเต็มไปด้วยเลือด
“พ่อมาช่วยผมทำไม” น้ำตาลูกอกตัญญูอย่างผมไหลอย่างไม่ขาดสาย
เมื่อรถพยาบาลมาถึงผมก็ถูกจับแยกกับพ่อ
ถึงแม้อากาศภายในห้องพยาบาลจะเย็น แต่ใจของผมกลับร้อนรุ่ม
“เพล้ง..ว้าย” เสียงแก้วที่คุณพยาบาลทำหล่นแตก ทำให้ผมเรียงร้อยเรื่องราวในอดีตจนรู้ว่า เลือดที่เลอะในอัลบั้มนั้น ไม่ใช่เลือดผม แต่เป็นเลือดพ่อ วันนั้นปู่เมาและอาละวาด พ่อแย่งไม้บรรทัดเหล็กจากปู่ได้ ขณะที่ปู่ก้มหยิบขวดเหล้าเปล่า และกำลังจะฟาดมาที่ผม พ่อก็วิ่งเอาตัวกันแทนผม- เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้พ่อไม่ติดต่อกับปู่อีกเลย
“รู้มั๊ยว่าเงินที่แกใช้ไปน่ะเงินใคร” พ่อเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เหลือ ฝากธนาคารในชื่อของผม เงินที่พ่อพูดถึงก็คือเงินที่พ่อให้ผม ซึ่งผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย
และการที่พ่อออกจากบ้านบ่อยๆ ก็เพราะพ่อเป็นโรคความดัน ต้องไปโรงพยาบาลตามที่หมอนัด ท่านปิดบังผมโดยแสร้งทำเหมือนว่าไปซื้อของ
“เอี๊ยด..” ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องพ่อ ห้องที่ผมเคยอยากเข้ามานอนเล่นสักครั้ง บัดนี้ว่างเปล่า
ห้องนี้ไม่ต่างอะไรกับห้องของผม เสื่อหนึ่งผืน กับพัดลม แค่นั้นจริงๆ ผมค่อยๆม้วนเสื่อเก็บในหัวมันสับสนไปหมด กระดาษแผ่นบางๆอยู่ใต้เสื่อ ผมหยิบมาพินิจดู แล้วรู้ว่าพ่อนำทุกอย่างที่เคยมีอยู่ในห้องนี้ไปขายและจำนำ เพื่อนำมาเป็นค่ารักษา โดยไม่ใช้เงินส่วนที่พ่อจะฝากธนาคารให้ผม
ผมสังเกตเห็นลังกระดาษใบใหญ่ใบหนึ่ง ชวนให้ผมสงสัยและอยากรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในกล่อง ผมแง้มกล่องขึ้นช้าๆ ผมก็ต้องพบกับสิ่งที่ทำให้ผมต้องอึ้งอีกครั้ง พ่อเก็บเสื้อผ้า รองเท้า นาฬิกาไว้ในกล่อง มีซองสีน้ำตาลใบหนึ่งถูกวางไว้ ผมเปิดดูข้อความในซองนั้น มีใจความว่า
ถึงลูกเต็นท์
พ่อซื้อของที่ลูกเคยอยากได้ทุกชิ้น แต่พ่อก็ไม่ได้ให้ลูก พ่อรู้ว่าพ่อเข้มงวดกับลูกมากเกินไป อาจทำให้ลูกรู้สึกอึดอัด จากนี้ลูกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ของในกล่องนี้พ่อให้ลูก..ของที่ลูกเคยอยากได้
พ่อ
ถึงแม้จะเป็นข้อความที่ดูธรรมดา แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยที่พ่อมีต่อผม ผมบรรจงเทของในกล่องออกมาอย่างช้าๆ ของที่ผมเคยขอร้องให้พ่อซื้อ ของที่ผมเคยอยากได้..ทุกอย่าง อยู่ในกล่องใบนี้ พ่อใส่ใจผมทุกอย่าง ต่างกับผมที่ไม่เคยใส่ใจพ่อเลย ไม่เคยรู้ว่าพ่อป่วย ผมทำให้คนที่รักผมที่สุดต้องเสียใจ
คนที่คิดว่าไม่มีใครรักหรือห่วงใยคุณ คุณลองมองรอบๆตัวคุณ บางที..ยังมีคนที่รักคุณมากกว่าชีวิตตัวเองอยู่ก็ได้ เพียงแต่คุณมองข้ามไป
ผลงานอื่นๆ ของ เจ้าหญิงจอมยุ่ง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เจ้าหญิงจอมยุ่ง
ความคิดเห็น